เอาเรื่องคนอื่นมาลงบล็อกต้องทำอย่างไรบ้า็ง

cat cat

บล็อกเกอร์หลายคนอ่านเรื่องของคนอื่นแล้วชอบใจจึงนำมาลงบล็อกของตัวเอง ด้วยความไม่รู้หรืออะไรก็ตาม หากทำไม่ถูกแล้วนอกจากไม่เคารพผู้เขียนยังผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ด้วย เจ้าของผลงานที่แท้จริงเอาผิดได้ เพราะกฎหมายลิขสิทธิ์นั้นกำหนดไว้ว่า ทันทีที่เจ้าของงานวรรณกรรมสร้างงานขึ้นมาก็เป็นของเขาโดยสมบูรณ์ ไม่ต้องไปจดลิขสิทธ์ิ์ใดๆ

ด้วยเหตุนี้ จึงได้เสนอข้อปฏิบัติในเรื่องการนำบทความของผู้อื่นมาเผยในบล้อกของตนให้แก่บล็อกเกอร์ทั้งหลายได้พิจารณา เพื่อเป็นการเคารพและให้เกียรติแก่กันและกัน รวมถึงการปฏิบัติตามกำหมายลิขสิทธิ์ด้วย ดังนี้

อ่านเพิ่มเติม

สือมวลชนออนไลน์ และบทความน่าอ่าน

Online Journal coverสื่อสารมวลชนออนไลน์ หรือ Online Journal อาจเป็นศาสตร์เรื่องการสื่อสารแขนงใหม่ในประเทศไทย แต่สำหรับฝรั่งมังค่าโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกานั้น เป็นศาสตร์ที่มีการเรียนการสอนและการศึกษาวิจัยอย่างกว้างขวางแล้ว

สื่อสารมวลชนออนไลน์ เป็นวิชาที่ว่าด้วยเรื่องการสื่อสารผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นเครื่องมือสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน ใช้ประโยชน์ได้แทบจะไม่มีข้อจำกัด และนับวันแต่จะทวีความสำคัญขึ้น ยิ่งปริมาณคนเข้าถึงอินเอตร์เน็ตมากเท่าใด ความสำคัญของสื่อสารมวลชนผ่านอินเตอร์เน็ตยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

ขอแนะนำบทความที่กล่าวถึงสื่อสารมวลชนออนไลน์เป็นเบื้องต้น คือ Online Journalism : นิเทศศาสตร์ออนไลน์ คืออะไร โดยผมได้เขียนเผยแพร่ไว้ที่ Blogologynet.com

เชิญอ่านได้ตามลิงก์ข้างบนเลยนะครับ

นอกจากนั้น ยังมีบทความอื่นๆที่อยากจะแนะนำในครั้งนี้ด้วย คือ
อ่านเพิ่มเติม

อ่านความคิดของบล็อกเกอร์นักตกแต่งคุยเรื่องบล็อก

ปัจจุบันมีคนในสาขาอาชีพต่างๆมาเขียนบล็อกกันมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางการสื่อสารที่ได้ผล เหมาะเป็นเวทีสำหรับเผยแพร่ความรู้และประชาสัมพันธ์ผลงาน

มีบล็อกที่เขียนโดยนักตกแต่งภายในหรือ interior คือ interiorsiam.com  โดยบล็อกเกอร์ MiMD ซึ่งเป็นนักออกแบบตกแต่งรุ่นใหม่ ผมได้มีโอกาสคุยกับเขาเรื่องการเขียนบล็อก การทำบล็อก การนำเอาวิชาความรู้ในงานอาชีพมาเขียนบล็อก รวมไปถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังการทำบล็อก interiorsiam.com จึงนำมาให้อ่านกันครับ

การทำบล็อกของ MiMD เริ่มต้นจากการตีความว่าบล็อกคืออะไร จากนั้นก็นำไปใช้ประโยชน์ในการจัดทำเนื้อหา กำหนดเป้าหมาย กำหนดกลุ่ม จัดประเภทของบล็อก ที่จะทำ ซึ่ง MiMD บอกว่า เขาให้ความหมายหรือตีความบล็อกว่า มันคือ Community Online เป็นที่ๆคนจะมาพบกันบนโลกออนไลน์ ดังนั้นการทำบล็อกก็เพื่อมุ่งตอบสนองคนที่มาชุมนุมกันซึ่งมีหลายกลุ่ม แล้วก็เลือกกลุ่มที่พอใจที่สุด และแน่นอนว่ากลุ่มที่บล็อกเกอร์ MiMD ก็คือกลุ่มนักตกแต่ง เมื่อเผยแพร่เนื้อหาออกไปแล้วก็ทำให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ในแง่ที่ได้ร่วมรับรู้ แลกเปลี่ยน ข้อมูล ข่าวสาร ความคิดเห็นแก่กัน สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการทำงานได้

เชิญอ่านรายละเอียดได้ที่ Blogologynet.com ครับ คลิกที่ >> คุยกับบล็อกเกอร์นักตกแต่ง MiMD เจ้าของ interiorsiam.com

เชิญดาวน์โหลดอีบุ๊คของ โกศล อนุสิม

ขอเชิญดาวน์โหลดอีบุ๊คของผมครับ มีหลายเรื่อง ทั้งเรื่องธรรมะ เรื่องบล็อก เรื่องทั่วไป เรื่องแมว  แล้วแต่ความสนใจของท่านผู้อ่าน จะโหลดไปอ่านเองหรือส่งต่อก็ได้ครับ หนังสือฟรี ยกเว้นแต่ถ้าเอาตัดต่อ เปลี่ยนแปลงเป็นของตนและเอาไปขาย อันนี้สงวนสิทธิ์ครับ

เล่มแรก  คนชอบคุย 1 รวมบทความจาก Kosoltalk.com และคอมเมนต์ของผู้อ่าน 

คนชอบคุย 1 เป็นรวมบทความที่ผมเผยแพร่ในบล็อกของผม เป็นความคิดทัศนะต่อเรื่องราวต่างๆทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ชีวิต การทำงาน ซึ่งผมได้เผยแพร่ตลอดปี 2551 จาก 222 เรื่องคัดมาทำอีบุ๊ค 19 เรื่อง รวมทั้งนำคอมเมนต์ที่มีผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นไว้ด้วย เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมภูมิใจเสนอ

เล่มที่สอง  เรียนธรรมในธุรกิจ อ่านรายละเอียดและดาวน์โหลด ที่นี่  

เรียนธรรมในธุรกิจ เป็นรวมบทความเรื่องธรรมะกับการทำงาน ที่ผมเขียนในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจบิชวิค (Bizweek) เป็นการเสนอธรรมะมาประบใช้กับการทำงานและการดำเนินชีวิต ซึ่งผมได้ทำและบอกเล่าเป็นประสบการณ์ รวมถึงเป็นข้อเสนอแก่คนทั่วไปในการนำไปใช้

เล่มที่สาม  บล็อกและศาสตร์แห่งบล็อก อ่านรายละเอียดและดาวน์โหลด ที่นี่ 

บล็อกและศาสตร์แห่งบล็อก รวมบทความที่ผมเขียนเกี่ยวกับบล็อก ทั้งที่เกิดจากประสบการณ์ตรงและจากที่อ่านในบล็อกของฝรั่งที่เป็นผู้หารายได้จากบล็อก เป็นงานเขียนเชิงวิชาการที่ตั้งใจเพื่อเป็นแนวทางในการเรียนรู้และพัฒนาบล็อกของผู้สนใจ

เล่มที่สี่ บ้านของแมว เรื่อใสๆของหัวใจเหมียว อ่านรายละเอียดและดาวน์โหลด ที่นี่

บ้านของแมว เป็นประสบการณ์ของการเลี้ยงแมว ที่คนเลี้ยงค่อยๆกลายเป็นทาสของแมว ทั้งเรื่องสนุกสนาน เรื่องเศร้า คละเคล้ากันได้รส เคยพิมพรวมเล่มมาแล้ว คราวนี้จับมาลงเว็บในรูปอีบุ๊คให้อ่านอีกครั้ง

เป็นหนังสือ 4 เรื่องที่น่าจะพอให้ท่านเสียเวลาอันมีค่าอ่านอยู่บ้าง เชิญดาวน์โหลดครับ อ่านแล้วพอใจ อยากให้คนที่คุณรักอ่านต่อก็ขอให้ส่งต่อกันไปเรื่อยๆครับ  เพื่อเผยแพร่เป็นวิทยาทาน

ขอบคุณและขอให้มีความสุขครับ

เชิญอ่านบล็อกผมได้ครับ

Kosoltalk.com

Kosolnet.com

Blogologynet.com

บล็อกเรื่องบล็อก-บล็อกศาสตร์และบล็อกศึกษา

ผมขอนุญาตแนะนำบล็อกที่ผมจัดทำขึ้นเองครับ คือ Blogologynet.com ชื่อภาษาไทยว่า บล็อกศาสตร์และบล็อกศึกษา โดยหวังจะให้เป็นแหล่งวิชาการด้านการสร้างสรรค์บล็อก  โดยเป็นผลจาการศึกษา ทดสอบ ทดลองของผมเองส่วนหนึ่ง และส่วนหนึ่งก็นำมาจากเทคนิค วิธีการต่างๆที่มีคนใช้ได้ผลมาแล้ว ทั้งบล็อกไทยและบล็อกต่างประเทศ  โดยได้ศึกษาข้อเขียนของผู้ที่มีประสบการณ์ แล้วนำมาแนะนำไว้ครับ

 

ผมเองเป็นนักเรียนด้านนิเทศสาสตร์  สนใจศึกษาเรื่องสื่อสมัยใหม่ที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่ หรือที่เรียกว่า ICT  โดยเฉพาะบล็อกซึ่งเป็นผลิตผลจากอินเตอร์เน็ต โดยอินเตอร์เน็ตก็เป็นผลิตจาก ICT  มีผู้จัดให้บล็อกเป็นสื่อชนิดหนึ่งที่สร้างและควบคุมโดยปัจเจกชน เรียกว่า สื่อภาคพลเมือง หรือสื่อภาคประชาชน (Citizen Journal) ผู้สร้างบล็อกเรียกว่าบล็อกเกอร์ (Blogger)  เรียกว่านักข่าวพลเมืองหรือนักข่าวภาคประชาชน (Citizen Reporter) ซึ่งในฐานสื่อและผู้สื่อข่าว  บล็อกและบล็อกเกอร์ได้ทำหน้าที่รายงานข่าวและเสนอข้อเท็จจริงให้ปรากฏแก่สาธารณชนจนเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า  สามารถทำหน้าที่สื่อได้ดียิ่ง

 

การศึกษาเรื่องบล็อกจึงเป็นการศึกษาเรื่องนิเทศสาสตร์  อันเป็นนิเทศศาสตร์แขนงใหม่  อายุไม่ถึง 20 ปี แต่มีอิทธิพลต่อพลเมืองของโลกเป็นอย่างมาก  และนับวันแต่จะเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น การศึกษาเรื่องบล็อกจึงเป็นประโยชน์เช่นเดียวกับการศึกษาสื่อแขนงอื่น ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ซึ่งเป็นสื่อกระแสหลักในปัจจุบัน

 

ในโลกอนาคต บล็อกก็จะกลายเป็นสื่อกระแสหลักอย่างไม่ต้องสงสัย  จะช้าหรือเร็วเท่านั้น

 

ผมได้ศึกษาบล็อกมาพอสมควร  ทั้งบล็อกที่มีอยู่ทั่วไปและบล็อกที่ทดสอบทดลองทำเอง จึงพยายามเขียนเกี่ยวกับเรื่องบล็อก ทั้งในด้านทฤษฎี และการปฏิบัติ เท่าที่จะสามารถทำได้  เพื่อหวังจะเป็นประโยชน์ในทางวิชาการและการนำไปประยุกต์ใช้  แต่ด้วยปัญญาอันมีอยู่จำกัด  จึงทำได้อย่างจำกัด  โดยหวังว่าจะมีผู้มีปัญญามากได้ศึกษาวิจัยอย่างเป็นระบบตามหลักวิชาการ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาบล็อกและบล็อกเกอร์ไทยต่อไป

 

จึงขอเชิญชวนท่านที่อ่านเรื่องนี้แล้วได้ช่วยไปเยี่ยมเยือน อ่านแล้วให้ข้อชี้แนะต่างๆแก่ผมด้วย เพื่อจะได้นำไปปรับปรุงการศึกษาและการเขียนให้ดีขึ้น เพื่อประโยชน์แกสาธารณชนสืบต่อไป

 

ผมได้เขียนเรื่องต่างๆไว้หลายเรื่อง  ขอแนะนำเรื่องที่น่าสนใจดังนี้

 

หมวดหมู่บล็อกศาสตร์ คือความรู้และทฤษฎีการทำบล็อก มีเรื่องที่น่าสนใจ อาทิ

 

-บล็อกกับทฤษฎีการสื่อสาร

 

บล็อกเกอร์ ( Blogger) กับการสื่อสารสาธารณะ (Public Communication)

 

เขียนบล็อกทำไม เขียนเพื่ออะไร

 

หมวดบล็อกศึกษา คือการศึกษาเนื้อหาและวิธีการทำบล็อก  มีเรื่องที่น่าสนใจ อาทิ

สื่อสารผ่านบล็อก : ถึงทีผู้บริโภคสื่อโต้กลับบ้าง

Blog Branding  : การสร้างยี่ห้อให้บล็อก

Blog,Blogs และบล็อกคือไฟไหม้ลามทุ่งไซเบอร์  

 

ที่ยกมาเป็นบางส่วนของงานที่ผมเขียนขึ้นจากการศึกษา ลงมือทด ทดสอบ ทดลองการทำบล็อกในระยะ 1 ปีที่ผ่านมา หากสนใจขอเชิญไปอ่านได้ตามลิงค์เลยครับ

 

ขอขอบคุณเป็นอย่างสูง

 

 

“ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้” การสื่อสารผ่านถ้อยคำสะท้อนอารมณ์ร่วมเรื่องความรัก

ในช่วงปี 2550 ถึงต้นปี 2551 เพลงลูกทุ่งที่ชื่อ “ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้” ผลงานประพันธ์ของ สลา คุณวุฒิ ขับร้องโดยนักร้องสาว ตั๊กแตน ชลดา เป็นเพลงที่โด่งดังโดนใจคอเพลงลูกทุ่ง และคงมีคอเพลงประเภทอื่นๆโดนใจไปด้วยไม่น้อย

ทำไมเพลงนี้จึงโด่งดัง นับเป็นเรื่องที่น่าคิด เพราะหากจะบอกว่ามีความไพเราะเพียงอย่างเดียวคงไม่ใช่ เป็นเพราะชื่อเสียงของนักร้องและนักแต่งเพลง ก็คงไม่ใช่อีก

ก่อนที่จะวิเคราะห์กันถึงสาเหตุที่ทำให้เพลงนี้โด่งดัง ขอยกแนวคิดเรื่องการสื่อสารขึ้นมาเป็นแนวทางในการวิเคราะห์ก่อน นั่นคือ เพลงลูกทุ่งเป็นสื่อชนิดหนึ่ง ที่สะท้อนความมีอยู่และความเป็นไปของสังคม เป็นช่องทางการสื่อสารที่ผู้แต่งเพลงซึ่งก็คือคนในสังคมใช้ในการส่งสาร โดยสารที่ส่งออกมานั้น เกิดมาจากความคิด ความเห็น ทัศนคติที่ได้รับการหล่อหลอมจากสังคม ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า สารที่ส่งผ่านเพลงลูกทุ่งออกมานั้น จึงเป็นภาพสะท้อนอย่างหนึ่งของสังคมนั่นเอง

ลองฟัง (อ่าน) เนื้อเพลงประกอบ
อ่านเพิ่มเติม

เหยื่อโอฐภัยจากการสื่อสารของ จักรภพ เพ็ญแข

เช้าวันที่ 21 พฤษภาคม 2551 หนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ ต่างพร้อมใจกันลงข่าวนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีโอกาสที่จะถูกลอยแพจากพรรคพลังประชาชน เนื่องจากการพูดจาจาบจ้วงหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันมานับสัปดาห์แล้ว รวมถึงถูกยื่นถอดถอนจากตำแหน่งในวุฒิสภาโดย พรรคประชาธิปัตย์

ข่าวที่นำมาซึ่งการตีความของสื่อว่านายจักรภพ เพ็ญแข จะถูกลอยแพนั้น อ้างอิงมาจากคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ต่อเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้าเยี่ยมอวยพรวันเกิด และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เปิดเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีความห่วงใยในเรื่องที่นายจักรภพ เพ็ญแข กล่าวจาบจ้วงล่วงเกินสถาบัน ทั้งยังสำทับว่า นายจักรภพ เพ็ญแข ต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง และปฏิเสธข่าวที่นายจักรภพ เพ็ญแข กล่าวมาก่อนหน้านี้ว่า ตนจะช่วยเคลียร์ปัญหานี้ให้
อ่านเพิ่มเติม

นวัตกรรมสื่อ : เทคโนโลยี พฤติกรรม และ จริยธรรมของสื่อมวลชน (2-จบ)

ในตอนที่แล้ว ได้ยกเอาจรรยาบรรณของสื่อมวลชนที่กำหนดโดยสมาคมวิชาชีพหนังสือพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ ที่ตราขึ้นเพื่อให้สมาชิกยึดถือเป็นหลักปฏิบัติ โดยพร้อมเพรียงและเท่าเทียมกัน

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า หลักแห่งจริยธรรมหรือจรรยาบรรณดังกล่าว มักถูกละเมิดโดยสื่ออยู่เสมอ เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมในการกระทำของสื่อ ข้ออ้างที่สื่อหยิบหยกขึ้นมาโต้แย้งก็คือ เรื่องเสรีภาพในการเผยแพร่ข่าวสาร หากมีการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งทางกฎหมายหรือทางสังคมต่อสื่อ ถือก็มักโต้ตอบกลับว่าเป็นการคุกคามสื่อ

แต่ในมุมมองของผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของสื่อ ก็มองได้ว่า ตนถูกสื่อคุกคามสิทธิและเสรีภาพเช่นกัน ดังนั้น จึงมีข้อที่จะต้องพิจารณาต่อว่า สื่อได้ใช้ข้ออ้างในเรื่องเสรีภาพการเสนอข่าวสารโดยเกินขอบเขตจนละเมิดผู้อื่นหรือไม่ เพราะในจริยธรรมหรือจรรยาบรรณนั้น แม้จะรับรองสิทธิเสรีภาพของสื่อ แต่ก็ต้องไม่ละเมิดผู้อื่น

การละเมิดจริยธรรมหรือจรรยาบรรณของสื่อ หรือหมิ่นเหม่ต่อการละเมิดมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งสิ่งพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่เสมอๆ เช่น
อ่านเพิ่มเติม

นวัตกรรมสื่อ : เทคโนโลยี พฤติกรรม และ จริยธรรมของสื่อมวลชน (1)


สื่อมวลชนที่เป็นเสาหลักในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ยังคงเป็นหนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ เพราะสามารถกระจายข่าวสารได้กว้างขวาง เข้าถึงผู้บริโภคมากที่สุด แม้จะเกิดสื่อสมัยใหม่หรือสื่อทางเลือกขึ้น อันได้แก่ สื่อออนไลน์ สื่อดิจิตอล แต่การเข้าถึงผู้รับข่าวสารยังอยู่ในวงจำกัด ดังนั้น สื่อกระแสหลักดั้งเดิมคือ หนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ จึงยังมีอิทธิพลต่อผู้คนเช่นเดิม

แต่อิทธิพลของสื่อกระแสหลักดังกล่าว กำลังถูกท้าทายจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ที่ได้สร้างนวัตกรรมใหม่ๆแก่สื่อเป็นอันมาก โดยเฉพาะในด้านเทคนิคที่เครื่องมือเครื่องใช้ได้รับการพัฒนาให้มีความสะดวกสบายในการใช้งาน ราคาถูกลง ประสิทธิภาพดีขึ้น ดังนั้น การเป็นเจ้าของสื่อ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ หากพิจารณาในเรื่องการลงทุนแล้ว สามารถทำได้ง่ายขึ้น จึงปรากฏว่า มีสื่อสิ่งพิมพ์น้อยใหญ่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ทั้งเพื่อการเสนอข่าวสาร เพื่อให้ความรู้ เพื่อความบันเทิง และเพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์ เป็นการเฉพาะมากขึ้น สถานีวิทยุก็สามารถจัดตั้งได้ในทุกสถานที่คือวิทยุชมชน ส่วนสถานีโทรทัศน์ก็ไม่มีความยุ่งยากเหมือนเมื่อก่อน เพราะปัจจุบันสามารถจัดตั้งสถานีโทรทัศน์เคเบิลทีวี สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม โดยใช้ทุนและเวลาไม่มากนัก ดังนั้น นวัตกรรมทางเทคโนโลยีการสื่อสาร จึงทำให้เกิดนวัตกรรมของสื่อรูปแบบใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น กระจายข้อมูลข่าวสารถึงผู้รับอย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น
อ่านเพิ่มเติม

จะต้องทำสงครามก่อนเพื่อมีสันติภาพภายหลังอย่างนั้นหรือ

ผมเป็นคนหนึ่งที่มีความรักและห่วงใยประเทศชาติเช่นเดียวกับคนไทยทุกคน ที่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีความสงบ ผู้คนตกลงกันด้วยเหตุด้วยผล อยู่กันด้วยความแตกต่าง โดยไม่แตกแยกกัน ไม่ใช้กำลังในการตัดสินปัญหา ซึ่งดูเหมือนว่า สถานการณ์ในทางสังคมและการเมืองของประเทศเราทุกวันนี้ เป็นไปได้ยากที่จะตกลงกันด้วยเหตุผลและสันติวิธี

คนไทยตั้งหน้าตั้งตาใช้ความคิดที่แตกต่าง สร้างกำแพงปิดกั้นฝ่ายอื่นไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตความคิดของตน ขณะเดียวกันก็พยายามใช้ความแตกต่าง สร้างภาพอีกฝ่ายเป็นศัตรู ไม่เพียงแต่เฉพาะศัตรูตนเองเท่านั้น แต่เป็นศัตรูของชาติด้วย

เมื่อต่างฝ่ายต่างสร้างอีกฝ่ายหนึ่งเป็นศัตรูของชาติ และแต่งตั้งตนเป็นผู้พิทักษ์รักษาชาติ การแก้ไขปัญหาด้วยความรุนแรงย่อมมีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่าย เมื่อต่างฝ่ายต่างคิดว่าตัวเองมีความชอบธรรมที่จะกำจัดศัตรูของชาติให้สิ้นซาก

เราไม่มีทางที่จะตกลงกันด้วยเหตุผลและสันติวิธีแล้วหรือ?
อ่านเพิ่มเติม

นวัตกรรมการสื่อสารผ่านบล็อก

ทุกวันนี้กระแส “นวัตกรรม” (Innovation) นับเป็นกระแสหนึ่งที่กำลังมาแรง นวัตกรรมคือการคิดค้นสิ่งใหม่ๆเพื่อตอบสนองความต้องการที่ไม่มีสิ้นสุดของคน มีการพูดถึงนวัตกรรมกันในทุกวงการ โดยเฉพาะสินค้าและการบริการ จำเป็นต้องมีนวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในเรื่องประโยชน์ใช้สอย และในเรื่องความพึงพอใจล้วนๆ

ยกตัวอย่าง บรรดาครีมบำรุงผิวทั้งชายหญิง ต่างก็มีการวิจัยนวัตกรรมใหม่ๆเพิ่มประสิทธิภาพของการบำรุงผิวให้ได้ผลมากยิ่งขึ้น แต่ละยี่ห้อก็โฆษณาประชาสัมพันธ์ชนิดที่เรียกว่าคู่แข่งรั้งท้ายมองไม่เห็นฝุ่น มันฝรั่งบางยี่ห้อก็มีนวัตกรรมสร้างความตื่นเต้นเร้าใจแก่ผู้บริโภค ด้วยการใส่สีเพื่อทำให้ลิ้นเปลี่ยนสีขณะที่เอร็ดอร่อยกับรสชาติของมันฝรั่ง เครื่องใช้ไม้สอยภายในบ้านก็มีนวัตกรรมไม่แพ้สินค้าอย่างอื่น อาทิ ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ก็มีสารเพิ่มประสิทธิภาพในการซอกซอนชะล้างคราบสกปรก ดังที่ปรากฏในโฆษณาทางโทรทัศน์จนเกินจะจินตนาการได้

นวัตกรรมสร้างความสะดวกสบายให้แก่มนุษย์ อย่างเช่น ชาวนาปัจจุบันได้ใช้นวัตกรรมเครื่องจักรช่วยทำนาแบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่ไถนาไปจนถึงการเก็บเกี่ยว เครื่องจักรทำให้ทุกกระบวนการ ควายจึงตกงานแล้วถูกต้อนเข้าโรงฆ่าสัตว์แทนลงทุ่งไถนา ชาวนาปลูกข้าวได้ปีละ3-4 ครั้ง ได้ผลผลิตมากขึ้น เหลือเพียงอย่างเดียวคือไม่มีนวัตกรรมใดๆที่ทำให้ชาวนาขายข้าวได้ราคาที่เหมาะสมโดยไม่ถูกเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง คงรออีกนานหรืออาจจะไม่มีนวัตกรรมนี้เลยก็ได้
อ่านเพิ่มเติม

บางถ้อยคำใน “ผู้จัดการ” เป็นสิ่งสมควรที่จะปรากฏใน “สื่อสาธารณะ” หรือไม่

ผมคิดอยู่นานว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีหรือไม่ โดยเฉพาะเขียนในบล็อก Kosolanusim ของผมที่ mBlog อันเป็นหนึ่งในสื่อออนไลน์ของเครือผู้จัดการ ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเขียนและโพสต์ที่ mBlog

เหตุผลที่ผมเขียนเรื่องนี้ โดยเผยแพร่ที่เครือผู้จัดการ ก็เพราะ

1.ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการคนหนึ่ง นับตั้งแต่เหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 ที่ถนนราชดำเนิน หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันเป็นสื่อที่ยืนอยู่ข้างประชาชน ด้วยการพิมพ์แจกจ่ายผู้เข้าร่วมชุมนุมและผู้สนใจทั่วไป อันเป็นการเสนอข้อมูลข่าวสารที่ยืนอยู่ตรงกันข้ามกับสื่อของรัฐให้ประชาชนได้รับรู้ เป็นการนำเสนอข้อเท็จจริงตามหน้าที่ของสื่อ ถึงแม้อาจมีคนบางส่วนมองว่า เป็นการ “แปลงวิกฤติให้เป็นโอกาสทางการตลาด” ก็ตาม เพราะได้พิสูจน์ในกาลต่อมาว่า หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวันและสื่อในเครือ ได้ทำหน้าที่เป็น “กระจกเงา” จริงๆ
อ่านเพิ่มเติม

อภิสิทธิและเอกสิทธิของสื่อ

มีการตั้งคำถามจากผู้คนอยู่เสมอๆ โดยเฉพาะผู้ที่คิดว่าตนเองได้รับผลกระทบในทางที่ไม่ดีจากการกระทำของสื่อว่า สื่อมีอภิสิทธิเหนือคนอื่นหรือไม่ เพราะดูเหมือนว่า สื่อจะสามารถเปิดโปงพฤติกรรม ตำหนิติเตียน วิพากษ์วิจารณ์ผู้คน องค์กร รัฐและรัฐบาล ได้อย่างเสรี โดยไม่มีใครหรือหน่วยงานใดออกมา ตอบโต้ หรือจัดการกับสื่ออย่างจริงจัง ปล่อยให้สื่อทำอะไรได้ตามใจ จนดูเหมือนว่า สื่อจะมีอภิสิทธิจริงๆ

เมื่อมีคำถามในลักษณะนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า ผู้คนอาจเข้าใจจริงๆว่าสื่อมีอภิสิทธิเหนือผู้อื่น ทั้งๆที่ความจริงแล้ว สื่อทั้งในฐานะนิติบุคคลและปัจเจกบุคคลล้วนอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับนิติบุคคลและปัจเจกบุคคลอื่นๆ สื่อมีสิทธิ์ที่จะถูกฟ้องร้องเอาผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพานิช ประมวลกฎหมายอาญา และตามกฎหมายอื่นๆตามฐานความผิด เมื่อสื่อถูกตัดสินว่าทำผิดก็ต้องรับโทษตามกฎหมายเช่นเดียวกัน แต่ทำไมสื่อจึงถูกมองว่ามีอภิสิทธิเหนือคนอื่น…
อ่านเพิ่มเติม

สื่อยุคดิจิตอล: หรือถึงคราวหมาเฝ้าบ้านเจอศัตรูที่ลื่นไหลจริงๆ

การเรียกขานสื่อว่าแมลงวันก็ดี หรือหมาเฝ้าบ้านก็ดี ล้วนแต่มีความหมายในทางที่ดี สะท้อนการทำหน้าที่ของสื่อ นั่นคือ ในฐานะแมลงวัน เมื่อมีของเน่าเหม็นที่ไหน แมลงวันจะไปตอมที่นั่น อันแสดงนัยให้เห็นว่า เมื่อมีเรื่องไม่ชอบมาพากล มีเรื่องไม่ดีไม่งามเกิดขึ้น สื่อจะต้องทำหน้าที่เสาะหาข้อเท็จจริงออกมาตีแผ่ให้สังคมรับรู้ เหมือนแมลงวันไปตอมของเน่าเหม็นให้คนรู้ว่ามีของเน่าเหม็นอยู่ที่นั่น ในฐานะหมาเฝ้าบ้าน สื่อทำหน้าที่ส่งเสียงเตือนผู้คนอันเปรียบเสมือนเจ้าของบ้าน ให้รู้ว่ามีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นในสังคม เหมือนหมาเฝ้าบ้านที่ส่งเสียงเห่าเตือนเจ้าของ เมื่อมีคนแปลกหน้ามาบ้าน ซึ่งอาจจะเป็นโจรผู้ร้ายหรือผู้ไม่หวังดี หากมีการบุกรุกเข้ามาโดยพละการ หมาเฝ้าบ้านก็ไล่กัดไล่งับเอาได้ เพื่อรักษาประโยชน์เจ้าของบ้าน

ดังนั้นศัตรูของหมาเฝ้าบ้าน หรือเจ้าของบ้านก็คือคนแปลกหน้า โจรผู้ร้าย คนไม่ดี ที่มุ่งหวังจะมาขโมยทรัพย์สินของเจ้าของบ้านนั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม

ความเห็นเรื่องสื่อ : เมื่อผมไม่เห็นด้วยกับ สนธิ ลิ้มทองกุล ผมก็ไม่เห็นด้วยกับ จักรภพ เพ็ญแข

กรณีนักวิชาการอาวุโสสองท่าน คือ ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ แห่งคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กับ ดร.อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ แห่งคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำจดหมายเปิดผนึก เตือนสติสื่อว่า อย่าใช้สื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง ยุยงให้เกลียดชังกัน ยั่งยุให้เกิดความรุนแรง โดยไม่ระบุว่าเป็นสื่อใด ดังที่สังคมได้รับรู้และเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ต่อมาอยู่ในขณะนี้นั้น

เมื่ออ่านแล้วและตีความตามเนื้อหาที่ท่านอาจารย์ทั้งสองได้กล่าวไว้ ผม (ไม่เกี่ยวกับท่านอาจารย์ทั้งสองหรือใครคนใด) เข้าใจว่า สื่อดังกล่าวก็คือสื่อในเครือผู้จัดการ ของ สนธิ ลิ้มทองกุล หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองมาตั้งแต่สมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มาจนถึงปัจจุบันที่นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี และสื่อในเครือผู้จัดการที่มีบทบาทเป็นเครื่องมือต่อสู้ทางการเมืองของพันธมิตรฯ ก็คือ ASTV News1 และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน รวมถึงเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการด้วย

การใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ทางการเมืองนั้น สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เป็นเจ้าของ ได้ประกาศโดยเปิดเผยแล้วว่า ตนเลือกที่จะยืนอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและพรรคไทยรักไทย ที่เว้นวรรคไปหลังการรัฐประหาร 9 กันยายน 2549 และกลับมาอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง 23 มกราคม 2551 ในชื่อพรรคพลังประชาชนและมีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นตัวแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดังนั้น พันธมิตรประชาธิปไตย สนธิ ลิ้มทองกุล และสื่อในเครือผู้จัดการจึงกลับมาดำเนินงานทางการเมืองต่อ ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
อ่านเพิ่มเติม

แปลงโฉมสู่เว็บ Web 2.0 การปรับตัวของ Bangkokbiznews.com

ปัจจุบันการสื่อสารผ่านเว็บไซต์ไม่ใช่เพียงแค่การให้ข้อมูลข่าวสารเพียงอย่างเดียวแล้ว หากแต่พัฒนาไปสู่การสื่อสารสองทางที่ผู้รับสารสามารถโต้ตอบกลับได้ทันที ผ่านการแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อต่างๆ ทั้งเว็บไซต์ของสถานีวิทยุ สถานีโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และตัวเว็บไซต์เองก็เป็นสื่ออีกประเภทหนึ่งที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่ออุดช่องว่างของสื่อหลักๆดังกล่าว นั่นคือ การกระจายข้อมูลข่าวสารได้กว้างขวางขึ้น อายุข่าวสารยาวนานขึ้น และ ผู้รับสามารถสื่อสารกลับในฉับพลัน ซึ่งสื่อวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ไม่สามารถทำได้

พัฒนาการของเว็บไซต์ที่ปรากฏโฉมครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 2 ระยะคือ ระยะแรกเรียกขานกันว่า Web 1.0 ทำหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสารในแบบสื่อสารทางเดียว ผู้ส่งสารกำหนดเนื้อหาเองทั้งหมด ผู้รับสารมีหน้าที่รับรู้ข่าวสารเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถโต้ตอบได้ ต่อมาพัฒนาเป็นเว็บ 2.0 ในปัจจุบัน ทำหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวสาร และรับข้อมูลข่าวสารจากผู้รับสารด้วย แม้ผู้ส่งสารเป็นผู้กำหนดเนื้อหาของข่าวสารเป็นเบื้องต้น แต่ผู้รับสารก็มีส่วนร่วมในการสร้างเนื้อหาเป็นลำดับต่อมา ผ่านการแสดงความคิดเห็นที่เป็นอิสระ แสดงปฏิกิริยาต่อข่าวสารที่รับรู้ได้โดยทันที ดังนั้น Web 2.0 จึงเป็นการสื่อสารสองทาง และเป็นการร่วมกันสร้างเนื้อหาระหว่างผู้ส่งสารกับผู้รับสาร นอกเหนือจากการให้ข้อมูลข่าวสารแล้ว ยังเป็นเวทีของการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันด้วย

อ่านเพิ่มเติม

เมื่อสื่อถูกใช้ปั้นน้ำเป็นตัว อะไรจะขึ้นกับคนและสังคม

เมื่อเช้าวันนี้ (7 พฤษภาคม 2551) ผมฟังวิทยุคลื่น 96.5 อสมท. รายการ “เช้าทันโลก” ขณะขับรถบนท้องถนนอันแออัดด้วยรถยนต์ของกรุงเทพฯ ในช่วงเวลาหกโมงครึ่งถึงเจ็ดโมง และกลับมาฟังซ้ำที่เว็บไซต์ MCOT  ในตอนเย็น ผู้ดำเนินรายการคือ คุณกรรณิการ์ กิจติเวชกุล ได้พูดคุยกับ    ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในช่วง Big Story ประเด็นที่พูดคุยกันก็คือ “สื่อมวลชนกับความรุนแรง” ฟังแล้วได้เห็นอิทธิพลของสื่อที่มีต่อความคิดและพฤติกรรมของคนชัดเจนขึ้น

ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ เป็นนักวิชาการที่เผยแพร่แนวคิดอหิงสา หรือการต่อสู้ด้วยสันติวิธี (Non-Violent) ต่อต้านการใช้ความรุนแรง ซึ่งบทบาทของอาจารย์ชัยวัฒน์ที่ผ่านมา ได้รับการยอมรับว่า เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องความคิดอหิงสาอีกคนหนึ่งของสังคมไทย

ประเด็นที่อาจารย์ชัยวัฒน์ได้พุดคุยกับคุณกรรณิการ์ได้สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทอันสำคัญของสื่อ ในการเปลี่ยนแปลงความคิดของคนให้เกิดการใช้ความรุนแรงได้ โดยได้ยกตัวอย่างสื่อในประเทศระวันดา ในปี 1994โดยเฉพาะวิทยุที่ได้เผยแพร่ข่าวสารคำพูดปลุกเร้าให้เกิดการเกลียดชังกันระหว่างเผ่าพันธุ์ โดยอาจารย์ชัยวัฒน์ได้บอกเล่าถึงการตัดสินของศาลอาญาระหว่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในประเทศระวันดา ปี 2003 เพื่อพิจารณาคดีเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ดังกล่าว ศาลได้ตัดสินให้ผู้ประกาศข่าววิทยุ 2 คนกับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ 1 คน ข้อหามีความผิดฐานยุยงให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

อ่านเพิ่มเติม

Citizen Journal : Natayaa Blog-ปากเสียงของคนไทยในต่างแดน

บล็อก (Blog) เกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองการสื่อสารของปัจเจกชนที่หาทางออกจากข้อจำกัดในการสื่อสารผ่านสื่อหลักๆ บล็อกทำให้ปัจเจกชนสามารถสร้างสื่อ (Media) และควบคุมเนื้อหา (Content) ได้เองอย่างเบ็ดเสร็จ ในกระบวนการสื่อสารทั้งหมด ปัจเจกชนหรือบล็อกเกอร์ (Blogger) ที่เป็นเจ้าของบล็อก เป็นผู้กำกับควบคุมทุกขั้นตอน

บล็อกจึงเป็นหนึ่งในสื่อภาคพลเมือง (Citizen Journal) และปัจเจกชนหรือบล็อกเกอร์ก็คือผู้สื่อข่าวพลเมือง (Citizen Reporter) ที่ทำหน้าที่เป็นทั้งสื่อ ผู้ส่งสาร และผู้ควบคุมหรือผู้รักษาประตู (Gate Keeper) ดังนั้น จึงสะท้อนตัวตน บุคลิก ความคิด ความเชื่อ ทัศนคติ ต่อเหตุการณ์และสิ่งต่างๆของบล็อกเกอร์แต่ละคน

บล็อกของณฐยา ชื่อบล็อก “ดงฝรั่ง” เป็นอีกบล็อกหนึ่งที่แสดงตัวตนของบล็อกเกอร์ตามแนวคิดของสื่อภาคพลเมือง จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เนื้อหาในบล็อกที่นำเสนอสู่สาธารณะนั้น กล่าวได้ว่า เป็นการรายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ผ่านข้อเขียนที่มุ่งให้เกิดความสนุกสนาน บางครั้งก็ใช้รูปแบบการเสียดเย้ย (Satire) อันเป็นรูปแบบหนึ่งของการเขียนที่ได้รับความนิยม เพราะสามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้แก่ผู้อ่านได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อนำเสนอผ่านบล็อกที่เป็นการสื่อสารสองทางด้วยแล้ว ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของผู้อ่าน ที่สะท้อนกลับผ่านช่องทางการแสดงความคิดเห็น (Comment) อันเป็นเครื่องมือที่ทำให้บล็อกเป็น Web2.0 ที่ผู้อ่านกับผู้เขียนมีปฏิสัมพันธ์กันได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งต่างจากยุค Web1.0 ที่เป็นการสื่อสารทางเดียว เช่นเดียวกับสื่อกระแสหลักอื่นๆ คือ หนังสือพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์

อ่านเพิ่มเติม

DAILY EXPRESS : การทดลองต่อยอดสื่อของเครือเนชั่น

ผมติดตามดูหนังสือพิมพ์ DAILY EXPRESS ของเครือเนชั่น นับตั้งแต่ฉบับเปิดตัวครั้งแรกคือวันที่ 5 มีนาคม 2551 จนถึงวันนี้ (28 เมษายน 2551) นับได้เดือนเศษ  ตั้งใจว่าจะเขียนถึงสักครั้ง วันนี้ได้โอกาสเหมาะ จึงขอเขียนถึงสักเล็กน้อย เท่าที่ปัญญาจะพอมองเห็นได้

หนังสือพิมพ์ DAILY EXPRESS ขนาดแท็บลอยด์ หรือครึ่งหนึ่งของหนังสือพิมพ์รายวัน ขนาดมาตรฐานทั่วไป  ซึ่งในประเทศไทยมีอยู่เป็นจำนวนน้อยที่เป็นหนังสือพิมพ์รายวัน เพราะส่วนมากแล้ว มักตีพิมพ์เป็นรายสัปดาห์ หรือรายปักษ์ กระทั่งรายเดือนก็มี  เนื่องมาจากไม่ใช่ “พิมพ์นิยม” หรือเป็นสิ่งที่คุ้นเคยสำหรับคนไทย ขณะนี้น่าจะมีเพียง บางกอกทูเดย์ฉบับเดียวที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง

เครือเนชั่นได้ออกหนังสือพิมพ์  DAILY EXPRESS ในครั้งนี้ หากเป็นการวางจำหน่ายก็คงไม่เป็นที่น่าสนใจนัก  แต่การพิมพ์เพื่อแจกจ่ายโดยไม่คิดมูลค่านี่ต่างหาก เป็นสิ่งที่ทำให้หนังสือพิมพ์ฉบับนี้น่าสนมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม คือคนที่อยู่ในวัยทำงาน ที่ต้องการความแปลกใหม่ในการรับข่าวสาร  โดยผู้จัดพิมพ์หวังรายได้จากทางอื่น อันได้แก่ การลงโฆษณาสินค้าต่างๆ  ในระยะยาว 

การลงทุนทำหนังสือพิมพ์รายวันที่เป็นภาษาอังกฤษแจกฟรีในครั้งนี้  หากมองอย่างผิวเผินก็นับว่าเป็นการสุ่มเสี่ยงอย่างมาก  เพราะพฤติกรรมของคนไทยส่วนมากแล้ว  มักชอบของฟรีแต่ไม่นิยมใช้ของฟรี นั่นคือ  ขึ้นชื่อว่าของฟรีแล้วมักอยากจะได้มาไว้เป็นเจ้าของ  แต่เมื่อได้มาแล้วมักจะไม่ค่อยใช้  ของแจกทั้งหลายจึงกลายเป็นขยะในห้องเก็บของ  จึงทำให้น่าเป็นห่วงว่า หนังสือพิมพ์ DAILY EXPRESS อาจตกอยู่ในชนะตากรรมเดียวกัน

อ่านเพิ่มเติม

สื่อสารผ่านบล็อก : ถึงทีผู้บริโภคสื่อโต้กลับบ้าง

 

เมื่อ 5-6 ปีก่อน ผมเรียนปริญญาโทที่สาขาวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) ในยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่ใช้สื่อสร้างกระแสให้แก่ตนเองได้อย่างดียิ่ง  ในฐานะผู้นำรัฐบาลก็เป็นที่จับจ้องของสื่ออยู่แล้ว แต่นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในขณะนั้น ได้สร้างมิติใหม่ของการใช้สื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์  ในลักษณะที่เรียกว่าการตลาดอย่างเต็มที่  นั่นคือ สร้างกิจกรรมให้ปรากฏอยู่ในพื้นที่สื่อตลอดเวลา ทั้งการให้สัมภาษณ์สื่อประจำสัปดาห์  จัดรายการ นายกทักษิณคุยกับประชาชน ทุกเช้าวันเสาร์ และที่เป็นไม้เด็ดก็คือ การสัญจรไปตามพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ โดยใช้ชีวิตอยู่กับชาวบ้านแบบติดดิน  อาทิ นุ่งผ้าขาวม้าอาบน้ำในโอ่ง ขี่มอเตอร์ไซค์ตรวจท้องที่ เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะสื่อทีวีที่เข้าถึงประชาชนทุกหย่อมหญ้า  ให้เห็นทั้งภาพ เสียง บรรยากาศชนิดที่เรียกว่าเหมือนกับการถ่ายทอดสดคอนเสิร์ตของศิลปินใหญ่ยังไงยังงั้น 

     การปรากฏอยู่ในสื่อดังกล่าว เป็นการสื่อสารเพียงทางเดียว  คือผู้รับสารไม่มีโอกาสแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบกับผู้ส่งสาร  ในฐานะผู้รับสารคือผู้บริโภคก็ไม่มีปากไม่มีเสียงใดๆ  ไม่มีช่องทางที่จะสะท้อนความคิดเห็นของตัวเองที่มีต่อข่าวสารนั้นๆกลับไปยังผู้ส่งสาร  คือนายกรัฐมนตรี  นอกจากรับเอาข่าวสารนั้นฝ่ายเดียว

     ในกรณีของผู้ชื่นชอบก็ย่อมเกิดความพึงพอใจต่อข่าวสารนั้น แต่ในกรณีของคนที่ไม่ชอบ ย่อมมีความอึดอัดคับข้องใจในข่าวสารดังกล่าว แต่ไม่สามารถจะทำอะไรมากไปกว่า ต้องรับสารนั้นด้วยความจำยอม หรือไม่ก็ปิดการรับสารนั้น แต่ข้อหลังนี้ทำได้ยากยิ่ง เพราะสื่อทุกประเภท ทุกช่องทาง ล้วนนำเสนอข่าวสารชุดดังกล่าวตลอดเวลา

     ในฐานะนักศึกษาสื่อสารมวลชน และส่วนมากก็ประกอบอาชีพเกี่ยวกับสื่อไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และส่วนหนึ่งก็เรียนปริญญาตรีมาทางนิเทศศาสตร์ด้วย  จึงทำให้พวกเราเหล่านักนิเทศศาสตร์ที่กำลังหาทางทำคะแนนเพื่อให้สอบผ่าน มีความอึดอัดคับข้องในไปด้วย ต้องนั่งถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องภาวะจำยอมของผู้รับสาร และหาทางออกว่าจะทำอย่างไรดีกับภาวะจำยอมนี้ (แน่นอนว่า ส่วนมากแล้วรู้สึกว่าตัวเอง จำยอมในการรับสารดังกล่าว) นั่นคือ มีช่องทางในการแสดงปฏิกิริยาโต้กลับไปยังผู้ส่งสารบ้าง

อ่านเพิ่มเติม